ประวัติความเป็นมา
ของบริษัท
พฤษภาคม
เดือนพฤษภาคม บริษัทฯ จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ในนาม “บริษัท เนอวานา สุขุมวิท จำกัด” ถือหุ้นโดยบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) ร้อย 99.9 เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในโครงการใหม่
และในเดือนเดียวกัน บริษัทฯ ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯจากเดิมทุนจดทะเบียนจำนวน 1,681,719,973 บาท เป็นจำนวน 1,405,600,017 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังมิได้นําออกจําหน่ายจำนวน 276,119,956 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ในเดือนเดียวกัน บริษัทฯเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯจากเดิมทุนจดทะเบียนจำนวน 1,405,600,017 บาท เป็นจำนวน 1,775,750,021 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 370,150,004 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
ก) การเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 172,575,002 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวนไม่เกิน 172,575,002 หุ้น เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสามัญ
ข) การเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 86,287,501 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวนไม่เกิน 86,287,501 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (NVD-W2) ซึ่งเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)
ค) การเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 86,287,501 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวนไม่เกิน 86,287,501 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 3 (NVD-W3) ซึ่งเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)
ง) การเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 25,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 25,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) ที่ออกให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย ครั้ง ที่ 2 (ESOP-Warrant-2)
และบริษัทได้ดำเนินการจ่ายปันผลในรูปแบบของของหุ้นปันผล โดยออกหุ้นปันผลจำนวน 172,574,237 หุ้นและเงินสด และได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้ว โดย บริษัทมีทุนชำระแล้ว จำนวน 1,553,174,254 บาท โดยมีหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,553,174,254 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
มิถุนายน
ตุลาคม
มกราคม
กลุ่มผู้ถือหุ้น | ก่อนการซื้อขายหุ้น | หลังการซื้อขายหุ้น | ||
---|---|---|---|---|
จำนวนหุ้น | คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ | จำนวนหุ้น | คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ | |
สิงห์ เอสเตท | 711,855,320 | 51.56 | - | - |
นางวัฒนา สมวัฒนา | 132,441,314 | 9.59 | 560,080,515 | 40.57 |
นายศรศักดิ์ สมวัฒนา | 79,228,214 | 5.74 | 363,444,333 | 26.33 |
โดยส่งผลให้บริษัทฯ สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของสิงห์ เอสเตท ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
เมษายน
กลุ่มผู้ถือหุ้น | ก่อนทำรายการ (ข้อมูลวันที่ 31/03/2564) | หลังทำรายการ | ||
---|---|---|---|---|
จำนวนหุ้น | คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ | จำนวนหุ้น | คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ | |
1. นางวัฒนา สมวัฒนา | 559,695,776 | 40.540 | 526,635,776 | 38.145 |
2. นายศรศักดิ์ สมวัฒนา | 363,444,333 | 26.325 | 363,444,333 | 26.325 |
3. นายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล | 105,000,000 | 7.605 | 138,060,000 | 10.000 |
4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด | 48,667,800 | 3.525 | 48,667,800 | 3.525 |
5. นายอนุชาติ อังสุเมธางกูร | 34,467,547 | 2.497 | 34,467,547 | 2.497 |
รวมจำนวนหุ้นทั้งหมด | 1,111,275,456 | 80.492 | 1,111,275,456 | 80.492 |
มิถุนายน
กลุ่มผู้ถือหุ้น | ก่อนธุรกรรมซื้อขายหุ้น | หลังธุรกรรมซื้อขายหุ้น | ||
---|---|---|---|---|
จำนวนหุ้น | คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ | จำนวนหุ้น | คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ | |
นางวัฒนา สมวัฒนา | 547,751,776 | 39.675 | 340,661,776 | 24.675** |
นายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล | 138,060,000 | 10.000 | 345,150,000 | 25.000 |
หมายเหตุ** ทั้งนี้หากรวมกลุ่มบุคคลที่มีความสัมพันธ์(Concert parties) ประกอบด้วย นายศรศักดิ์ สมวํฒนา ถือครองหลักทรัพย์จำนวน 363,444,333 หุ้น นางจุฑามาศ สมวัฒนา จำนวน 3,111,810 หุ้น และ INSIGHTS MIND INC. จำนวน 536,205 หุ้น หลักทรัพย์ถือครองที่ถูกครองทั้งหมดจะเป็นจำนวน 707,754,124 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51.264 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท
ในการนี้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.12/2554 เรื่องหลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2554 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศที่ ทจ.12/2554”) นายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของบริษัทเป็นจำนวน 1,035,449,978 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 75 จากผู้ถือหุ้นของบริษัททุกรายตามประกาศที่ ทจ. 12/2554
และในเดือนเดียวกัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มเติมจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น หุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ แบบมีหลักประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน มูลค่า 1,000 ล้านบาท อายุ 1 ปี 9 เดือน เพื่อนำไปไถ่ถอนจำนอง หลักประกันที่ติดภาระผูกพันกับสถาบันการเงินบางส่วน และ/หรือไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนของบริษัทก่อนครบกำหนด และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน และ/หรือรับรองการขยายธุรกิจของบริษัท
มิถุนายน
สิงหาคม
พฤศจิกายน
กลุ่มผู้ถือหุ้น | ก่อนการซื้อขายหุ้น | หลัง | ||
---|---|---|---|---|
จำนวนหุ้น | คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ | จำนวนหุ้น | คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ | |
สิงห์ เอสเตท | 711,855,320 | 51.56 | - | - |
กลุ่มสมวัฒนา* | 286,379,307* | 2074* | 998,234,627 | 72.30 |
* กลุ่มสมวัฒนา ได้แก่ นางวัฒนา สมวัฒนา 132,441,314 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 9.59 นายศรศักดิ์ สมวัฒนา 79,228,214 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 5.74 นายอนุชาติ อังสุเมธางกูร 34,467,547 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.50 นายฐานิศร คูสุวรรณ 18,800,729 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 1.36 นางสาวจิดาภา แตรตุลาการ 9,244,900 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.67 นายวิเชียร เจียกเจิม 8,050,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.58 นางจุฑามาศ สมวัฒนา 3,111,810 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.23 นางสาวกุลิสรา อังสุเมธางกูร 1,034,793 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.07
มีนาคม
โครงการที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรอีกหนึ่งโครงการ ได้แก่ เนอวานา บียอนด์ อุดรธานี ซึ่งเป็นโครงการ Turnkey Solution ในต่างจังหวัดโครงการแรกที่ได้เปิดตัวในปีนี้ Turnkey Solution เป็นความร่วมมือระหว่างเจ้าของที่ดินและ NVD ในการผสานความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์กับเจ้าของที่ดินทั่วประเทศในการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะช่วยสร้างแบรนด์เนอวานาให้เป็นที่รู้จักได้ในวงกว้างขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจรับสร้างบ้านให้สามารถเป็นรายได้ที่ประจำสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้นต่อไป อีกทั้ง NVD ไม่จำเป็นต้องซื้อที่ดินเอง แต่สามารถให้บริการในการพัฒนาโครงการจัดสรรได้อย่างครบวงจร เนอวานา บียอนด์ อุดรธานี เริ่มเปิดขายในช่วงปลายเดือนมีนาคม โดยเปิดบ้านตัวอย่าง 2 รูปแบบ ได้แก่ Space และ Mind ซึ่งนับว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า การเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบของบ้านตัวอย่างทั้ง 3 รูปแบบในไตรมาส 2
มิถุนายน
และในเดือนเดียวกัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มเติม โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ แบบไม่มีหลักประกัน มูลค่า 283 ล้านบาท อายุ 1 ปี เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน การขยายกิจการ การลงทุน และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงการชำระคืนเงินกู้ของบริษัทฯ
สิงหาคม
กุมภาพันธ์
มีนาคม
พฤษภาคม
และในเดือนเดียวกัน บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนจาก 1,380,599,978 บาท เป็น 1,681,719,973 บาท เพื่อรองรับการแปลงสภาพ ESOP และ NVD-W1
มิถุนายน
และในเดือนเดียวกัน บริษัทฯ ได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดที่บริษัทฯ ถืออยู่ในบริษัท แลนดี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จำนวน 595,600 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 14.89 ของทุนจดทะเบียนของแลนดี้ ซึ่งเป็นเงินลงทุนที่บริษัทฯ ถือตั้งแต่ปี 2549 ก่อนการควบรวมกับบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยขายให้กับบริษัท มาสเตอร์ แอนด์ มอร์ จำกัด ในราคาหุ้นละ 41.9745 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 25,000,000 บาท โดยวัตถุประสงค์เป็นการขายเงินลงทุนที่บริษัทฯ ไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นไปตามแผนบริหารการลงทุนของบริษัทฯ ขณะที่แผนการใช้เงิน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัทฯ ทั้งนี้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทก่อนการขายเงินลงทุน: ร้อยละ 14.89 และหลังการขายเงินลงทุนร้อยละ 0
กรกฎาคม
สิงหาคม
ตุลาคม
ทั้งนี้ภายใต้การร่วมทุนแบบ Turnkey Solution นั้น บริษัทฯ จะเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาโครงการให้หมดแบบครบวงจร ตั้งแต่ การออกแบบ การขาย การตลาด การก่อสร้าง การโอนกรรมสิทธิ์ และบริการหลังการขาย โดยโครงการจะใช้แบรนด์ของเนอวานา ซึ่งเจ้าของที่ดินจะไม่ต้องประสบกับปัญหาและความวุ่นวาย เป็นการพัฒนาที่ดินให้มีศักยภาพสูงสุดและเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินนั้น ๆ ซึ่งเจ้าของที่ดินจะสามารถรับรู้รายได้จากการที่ลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินก่อนการปลูกสร้าง (เป็นสัญญาบ้านสั่งสร้าง)
มกราคม
เมษายน
มิถุนายน
กรกฎาคม
กันยายน
พฤษภาคม
กรกฎาคม
ตุลาคม
ธันวาคม
ตุลาคม
ธันวาคม
สิงหาคม
ตุลาคม
ในเดือนตุลาคม บริษัทฯ ได้ซื้อหุ้นของบริษัท เอเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด จากนายฑูรทวี มงคลแสงสุรีย์ จำนวน 40,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.01 บาท เนื่องจากราคาตามมูลค่าทางบัญชีของบริษัท เอเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด น้อยกว่าศูนย์บาท จากการปรับโครงสร้างของกลุ่มบริษัทฯ ดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ถือหุ้นของบริษัท เอเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนชำระแล้ว
ในเดือนตุลาคม บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 100 ล้านบาท เป็น 130 ล้านบาท และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 30 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก
กุมภาพันธ์
ในเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จาก 80 ล้านบาท เป็น 90 ล้านบาท โดยจัดสรรให้กับผู้ลงทุนกลุ่มหนึ่งจำนวน 10 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยบริษัทฯ ได้นำเงินเพิ่มทุนดังกล่าวไปซื้อเครื่องจักร ผลิต FENZER รุ่น Sandy และซื้อที่ดินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายโรงงานและศูนย์กระจายสินค้า
ธันวาคม
จัดตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท เอเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายประตูหน้าต่างอลูมิเนียมจากโรงงานผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่น โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 80
บริษัทฯ ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 80 ล้านบาท และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไดอิจิ คอร์อเรชั่น จำกัด (มหาชน)