NVD 0.82 บาท - (-%)
EN

การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ ตระหนักถึงความความรับผิดชอบต่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จึงได้กำหนดนโยบายธุรกิจสอดคล้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม มาตรฐานสากล รวมไปถึงการเข้าร่วมมาตรฐานด้านความยั่งยืนโดยสมัครใจ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) โดยในฐานะภาคีของข้อตกลงโลก แห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะธำรงรักษาหลักการด้านสิ่งแวดล้อม หลักการที่ 6, 13 และ 15 ดังมีหลักการดังนี้

  • หลักประการที่ 6 : สร้างหลักประกันเรื่องน้ำและการสุขาภิบาล ให้มีการจัดการอย่างยั่งยืนและมีสภาพพร้อมใช้ สำหรับทุกคน
  • หลักประการที่ 13 : ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น
  • หลักประการที่ 15 : ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน หยุดการเสื่อมโทรมของที่ดินและฟื้นสภาพกลับมาใหม่ และหยุดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

นโยบายด้านการจัดการดูแลสิ่งแวดล้อม GRI 103-2

บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยตระหนักและให้ความสำคัญต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ ผลิตภัณฑ์และบริการ จึงมีนโยบายส่งเสริมให้เกิดการพัฒนากระบวนการผลิต สร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้มีการกำหนดเป้าหมายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า และลดการใช้พลังงานธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด พร้อมทั้งเตรียมแผนและมาตรการต่างๆ เพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การร่วมรณรงค์เพื่อลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า การส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อให้บรรลุถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน บริษัทฯ จัดตั้งนโยบายในด้านการจัดการดูแลสิ่งแวดล้อม ดังนี้

  1. ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามข้อบังคับกฎหมายและข้อกำหนดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
  2. ควบคุมและจัดการคุณภาพของน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตที่ถูกต้องและเหมาะสม
  3. ประหยัดการใช้พลังงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิต และสำนักงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
  4. ดำเนินการคัดแยกประเภทขยะทุกครั้งก่อนทิ้ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดการของเสีย
  5. เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ โดยการนำกลับมาใช้ใหม่ และจัดหาพลังงานหมุนเวียนทดแทนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก
  6. ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ โดยให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนใกล้เคียง พร้อมสร้างคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยที่ดีให้กับพนักงาน
  7. จัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอต่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้พนักงานทุกคน ทุกระดับ ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติตามนโยบาย วัตถุประสงค์ และเป้าหมาย ของบริษัทฯ รวมทั้งเปิดเผยนโยบายและผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมแก่สาธารณชน
การป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการที่อยู่อาศัย

บริษัทฯ ดำเนินการโครงการจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย หรือเพื่อประกอบการพาณิชย์ ที่มีจำนวนที่ดินแปลงย่อยไม่เกิน 500 แปลงขึ้นไป หรือเนื้อที่ไม่เกินกว่า 100 ไร่ บริษัทฯ จึงไม่ต้องทำรายงงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA Report (Environmental Impact Assessment Report) แต่บริษัทฯ ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนการขออนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ แนวราบ ทั้งก่อนเริ่มการก่อสร้างโครงการ ระหว่างการก่อสร้างโครงการ และช่วงดำเนินการโครงการ โดยมีวิเคราะห์ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 4 ด้าน ได้แก่

  • ด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ เช่น คุณภาพอากาศ เสียง ความสั่นสะเทือน คุณภาพน้ำ
  • ด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ เช่น ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบนิเวศวิทยาสังคมเมือง
  • ด้านคุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ เช่น ปริมาณน้ำที่ใช้ การจัดการขยะมูลฝอย การใช้ไฟฟ้า
  • ด้านคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต เช่น ผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม อาชีวอนามัย และความปลอดภัย

การออกแบบบ้านและโครงการถือว่าเป็นส่วนสำคัญเพื่อช่วยลดผลกระทบของสิ่งแวดล้อม ในปีที่ผ่านมาช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย จังหวัดกรุงเทพฯ ต้องเผชิญปัญหาด้านมลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนเมืองหนักขึ้นทุกๆ ปี หนึ่งในวิธีลดฝุ่นพิษอย่างยั่งยืนที่เราต่างทราบกันดี ก็คือ การปลูกต้นไม้ซึ่งจะช่วยในการดักจับฝุ่นพิษ PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเกราะป้องกันภัยคุกคามจากหมอกพิษที่ชุมชนเมืองต้องการ

การออกแบบบ้านของเนอวานาเป็นการออกแบบ Whole-home Ventilation เน้น Passive Ventilation หรือการถ่ายเทอากาศผ่านช่องเปิด นับเป็นความโดดเด่นของบ้านเนอวานาที่เกิดขึ้นโดยการค้นหาโซลูชั่นตลอดขั้นตอนการออกแบบ จึงทำให้เกิดการจัดวางตำแหน่งช่องเปิดได้อย่างทั่วถึงในทุกมุมของบ้าน และเป็นตำแหน่งที่คำนึงถึงทิศทางลมเข้าและลมออก ที่จะก่อให้เกิดการไหลเวียนอากาศที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด บ้านเนอวานาทุกโครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมรวมไปถึงโฮมออฟฟิศ จึงปราศจากมุมอับลม อันเป็นจุดสะสมฝุ่นละอองและเชื้อโรค

Nirvana Living Revolution จึงมาพร้อมการติดตั้งระบบ Air Control System ระบบการฟอกอากาศภายในบ้าน ซึ่งสามารถกรองฝุ่นในระดับ 1 ไมครอน หรือ PM 1 สามารถขจัดปัญหามลพิษ PM 2.5 ได้นอกจากนี้ปัญหาฝุ่นละอองสะสมจากการก่อสร้าง นับเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจจะทำให้ฝุ่นละอองจากการก่อสร้างที่ตกค้างในจุดอับต่างๆ

Building Technology ของบ้านเนอวานามีระบบการก่อสร้างด้วย Prestressed Precast Technology จากญี่ปุ่น ที่ไม่เพียงมีความแข็งแรงทนทานสูงเท่านั้น แต่ยังควบคุมการผลิตตามมาตรฐานประเทศญี่ปุ่น จึงได้ชิ้นส่วนคอนกรีตของวัสดุอื่นๆ ในขนาดที่แม่นยำ อีกทั้งการเตรียมการอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน จึงลดปัญหาขยะและฝุ่นที่จะตกค้างหลังก่อสร้าง บ้านเนอวานาจึงสามารถส่งมอบบ้านปราศจากฝุ่นละอองสะสม

Timeless Design การออกแบบบ้านเนอวานาล้วนเป็นสไตล์ Natural Modern ที่เป็น Timeless Design มีการวางรูปแบบบ้านเป็นรูปตัว L ที่ทำให้มีผนังเปิดโล่งได้มากถึง 3 ด้าน เกิดสเปซแบบ Inside out, Outside In เชื่อมต่อกับธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวได้ง่ายยิ่งขึ้น การใช้เทคนิค Mass & Void ทั้งในแนวนอนและตั้งรองรับการพัดพาของลม เกิดการหมุนเวียนอากาศภายในทำให้อยู่สบาย ไม่ร้อน และยังช่วยลดการใช้พลังงานด้วย นอกจากนี้ยังใช้ความรู้ทางสถาปัตยกรรมในการบิดมุมห้อง ขยายช่องเปิด สร้างสเปซแปลกใหม่ที่ทำให้แสงธรรมชาติในบ้านเพิ่มขึ้นเสริมสุขภาวะที่ดีอผู้อยู่อาศัยโดยตรงการออกแบบการพัฒนาโครงการและบ้านของเนอวานา อยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Tree Selection ต้นไม้ นับเป็นหนทางแก้ปัญหาคุณภาพอากาศอย่างยั่งยืนที่สุด แต่ต้นไม้จำนวนมากนั้น มีการผลัดใบในฤดูแล้ง อันเป็นฤดูที่ค่ามลพิษสูงที่สุดในกรุงเทพมหานคร อีกทั้งเศษใบไม้ ยังลดทอนความงามของทัศนียภาพโดยรวมอีกด้วย โครงการเนอวานา จึงเลือกสรรต้นไม้ที่ไม่เพียงเติบโตได้ดีในสภาพอากาศของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังดูแลรักษาง่าย และที่สำคัญ ยังเป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติในการดักจับฝุ่นละอองได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

จากการออกแบบที่เป็น Timeless Design เพิ่มช่องเปิดภายในบ้านเพื่อการประหยัดพลังงานและแสง ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ขั้นตอนการก่อสร้างแบบ Prestressed Precast Technology ที่ลดปริมาณฝุ่นละอองภายในอากาศ และต้นไม้ที่ดูดซับฝุ่นและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยให้ลดมลภาวะทางอากาศ ทุกอย่างล้วนเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนของสังคมและงานสถาปัตยกรรม ในงานสถาปัตยกรรมสร้างใหม่ความเป็น Green Building นั้นไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้หรือเพิ่มพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมแบบบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นความสอดคล้องกับสภาพอากาศในพื้นที่นั้นๆ

ความเป็น Green Building นั้นไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้หรือเพิ่มพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมแบบบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นความสอดคล้องกับสภาพอากาศในพื้นที่นั้นๆ การใช้พลังงานจากธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้อาคาร ตลอดจนกระบวนการก่อสร้างและวงจรชีวิตของงานสถาปัตยกรรมนั้นๆ ต้องก่อให้เกิดมลพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

ในการก่อสร้างแต่ละครั้งเราต้องสูญเสียทรัพยากรจำนวนไม่น้อย และเมื่อคิดถึงการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์หรือ Life Cycle Assessment ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการจัดการเมื่อวัสดุเหล่านั้นหมดอายุการใช้งานตัวอย่างเช่น การผลิตคอนกรีตต้องใช้พลังงานและทรัพยากร 700 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตร ส่วนกระบวนการผลิตไม้เราจะสูญเสียพลังงาน 350 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตร การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน สภาพภูมิอากาศ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพื่อให้การบริโภคทรัพยากรเป็นไปอย่างรู้คุณค่าตลอดอายุขัยที่แท้จริง ระบบ Circular Economy หรือระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในวงการสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมเพื่อการก่อสร้าง เช่น การผลิตผิวสำเร็จหรือการเคลือบที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลอย่างยางรถยนต์หรือแก้ว แผงฉนวนกันความร้อนที่ทำจากเศษไม้ก๊อกบด หรือการใช้เซลลูโลสเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมกระดาษมาทดแทนพลาสติก เป็นต้น ความพยายามที่จะนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำ (Reused) นำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการใช้วัสดุจากแหล่งซัพพลายใกล้เคียงเพื่อลดความสิ้นเปลืองด้านการขนส่ง และรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อลดการสร้างขยะจากการก่อสร้างให้น้อยลงนั้น ยังหมายถึงการใช้พลังงานและทรัพยากรที่ลดลงด้วย

ในปี 2567 บริษัทกำหนดเป้าหมายให้หน่วยงานที่มีการสั่งซื้อวัสดุและผลิตภัณฑ์ต้องมีรายการวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างน้อยร้อยละ 20 ของรายการวัสดุ รวมถึงการพิจารณาคัดเลือกคู่ค้าที่ได้รับใบรับรองด้านสิ่งแวดล้อม ISO14001 หรือ Green Industry ของกระทรวงอุตสาหกรรม