NVD 1.77 บาท - (-%)
EN

การบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ

บริษัทเล็งเห็นถึงความสามารถในการแข่งขันและโอกาสทางธุรกิจที่จะเพิ่มสูงขึ้นผ่านการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม และสะท้อนผ่านการบริหารจัดการต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม อาทิ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่อหน่วยการผลิต ความคุ้มค่าของพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน เป็นต้น บริษัทได้สื่อสารและส่งเสริมการมีส่วนร่วมให้เกิดแนวปฏิบัติที่ดีตลอดห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรโดยระบุแนวปฏิบัติสำหรับประเด็นสำคัญทางด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2565 บริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัท Baker Mckenzie Thailand เป็นที่ปรึกษาการจัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO หรือ Corporate Carbon Footprint: CCF) เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กร Zero Carbon หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ เพื่อจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้ทราบแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญขององค์กร ก่อนนำไปบริหารจัดการและวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีนัยสำคัญต่อไป

บริษัทฯ ได้รวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565 และกำหนดขอบเขตการใช้ทรัพยากรพลังงานที่สร้างปฏิกิริยาในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เก็บข้อมูลเฉพาะกิจกรรมในสำนักงานใหญ่ บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ 343/351 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร รายละเอียดดังนี้

  1. ก๊าซเรือนกระจกทางตรง ขอบเขตที่ 1 เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีการเผาไหม้เคลื่อนที่ โดยคำนวณจากการใช้น้ำมันที่มาจากปริมาณการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในยานพาหนะของบริษัทในการเดินทางที่เกี่ยวเนื่องกับกิจธุระของบริษัท การใช้สารทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศในอาคารสำนักงาน การใช้เครื่องดับเพลิงที่มีส่วนประกอบของสารดับเพลิงที่เป็นก๊าซคาร์บอน
  2. ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขตที่ 2 เป็นก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากไฟฟ้าที่ถูกนำจากภายนอกเข้ามาใช้ในบริษัทฯ โดยคำนวณจากปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าในสำนักงานใหญ่ของบริษัท
  3. ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขตที่ 3 เป็นก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการใช้น้ำประปา และกระดาษ ภายในสำนักงานใหญ่

แนวทางการดำเนินงาน

  • โครงการปรับปรุงอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี ในสำนักงาน เนื่องจากเครื่องปรับอากาศที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี มักจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำความเย็นได้ตามที่กำหนด และสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่จะใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทดแทนสารเดิมซึ่งส่งผลเสียต่อโอโซนในชั้นบรรยากาศ และสามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของสำนักงานใหญ่ที่ทำการเปลี่ยนได้ประมาณร้อยละ 20 ต่อปี
  • โครงการเปลี่ยนโคมไฟฟ้า Downlight เป็นหลอด LED ที่โรงงานดอนตูม จ.นครปฐม เปลี่ยนชนิดของหลอดไฟส่องสว่างในเส้นทางหลัก จากสปอร์ตไลท์เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงาน LED โดยสามารถประหยัดพลังงานได้ 12,702 กิโลวัตต์ต่อปี (พิจารณาการใช้งาน 6ชั่วโมงต่อวัน) เทียบเท่าการลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้เท่ากับ 7,125.82 kgCO2e ต่อปี และนำแผงพลังงานแสงอาทิตย์ มาใช้เป็นพลังงานเพื่อให้หลอดไฟส่องสว่าง โดยทดลองติดตั้งเพื่อใช้งานเบื้องต้น 4 จุด โดยสามารถให้แสงสว่างในเวลากลางคืนได้เป็นเวลา 6 ชั่วโมงต่อวัน และมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ
  • โครงการลดการใช้กระดาษ บริษัทนำระบบ Office 365 มาใช้ในการทำงานของพนักงานทั่วทั้งบริษัท
  • การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในองค์กร บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายด้วยการดำเนินงานโครงการ ดังต่อไปนี้ “Switch off” ปิดสวิตช์เมื่อไม่ใช้งาน และ 3R+1 “Reduce Reuse Recycle & Rethink”

ผลการดำเนินงาน ปี 2565

ในปี 2565 บริษัทฯ มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง จำนวน 1,207 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่ากับ ร้อยละ 1 และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม จำนวน 109,806 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่ากับ ร้อยละ 99 รวมเป็น จำนวน 111,013 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์

หน่วย กิโลคาร์บอนไดออกไซด์

ขอบเขต 2564 ร้อยละ 2565 ร้อยละ
ก๊าซเรือนกระจกทางตรง ขอบเขต 1 7,200 2 1,207 1
ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขต 2 291,400 95 100,729 91
ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ขอบเขต 3 8,600 3 9,077 8
รวมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 307,200 100 111,013 100

โดยพบว่ากิจกรรมของการดำเนินธุรกิจที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คือ การใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศในสำนักงาน ทั้งนี้บริษัทฯ มีการรณรงค์การใช้ฟ้าให้กับพนักงาน ส่งผลให้ในปี 2565 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลง ประกอบกับลดการใช้พาหนะในการขนส่ง ส่งผลให้ในปี 2565 สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงจำนวน 196,187 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์ คิดเป็นร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา