NVD 1.81 บาท +0.04 (2.26%)
EN

การดำเนินงานตามนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมทุกกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ พนักาน เด็ก สตรี คนพิการ คู่ค้า และแรงงานต่างชาติ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการดำเนินงานที่ละเมินสิทธิมนุษยชน ทั้งในกิจกรรมโดยตรง และผู้ที่เกี่ยวข้องให้ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ

นโยบายการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรมและเคารพสิทธิมนุษยชน
นโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรมและเคารพสิทธิมนุษยชน

บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับ High End และเป็นผู้นำในการสร้างบ้านที่มีดีไซน์ในสไตล์ Natural Modern ที่ทันสมัยเหมาะกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ในรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด Living Revolution สะท้อนผ่านการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบสมดุล (Life Balancing) โดยผสมผสานระหว่าง Modern Living Design และ Modern Living Innovation เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงและเคารพสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล จึง ได้ประกาศนโยบายการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรมและเคารพสิทธิมนุษยชนฉบับนี้ เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทฯ ได้มีการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน รวมถึงหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ มาเป็นแนวทางปฏิบัติด้านการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งองค์กร

ขอบเขต

นโยบายฉบับนี้ครอบคลุมการดำเนินการทั้งหมดของบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย รวมถึงการดำเนินกิจกรรมของพนักงาน และคู่ค้าทางธุรกิจ

แนวทางปฏิบัติ

  1. แนวปฏิบัติด้านการใช้แรงงานบังคับ บริษัทฯ จะไม่กระทำหรือสนับสนุนให้มีการใช้แรงงานบังคับในทุกรูปแบบ และจะไม่เรียกร้องหรือรับเงิน จากลูกจ้าง ไม่ว่าเมื่อเข้าทำงาน หรือรับเข้าทำงานแล้ว หรือเป็นเงื่อนไขในการรับเข้าทำงานเว้นแต่กฎหมายยกเว้นไว้ รวมทั้งไม่ใช้การลงโทษทางกาย หรือการคุกคามจากการถูกกระทำรุนแรง หรือรูปแบบอื่นๆ ของการข่มเหงทางกาย เพศ จิตใจ หรือทางวาจา
  2. แนวปฏิบัติด้านการใช้แรงงานเด็ก บริษัทฯ จะไม่ว่าจ้างหรือสนับสนุนให้มีการว่าจ้างเด็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี และในกรณีที่จ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จะไม่ให้หรือสนับสนุนให้แรงงานเด็กทำงานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย หรืออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัย
  3. แนวปฏิบัติด้านการใช้แรงงานหญิง บริษัทฯ จะไม่ให้ลูกจ้างหญิงทำงานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือร่างกายตามที่กฎหมายกำหนด และจะจัดให้ลูกจ้างหญิงที่มีครรภ์ทำงานหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยต่อการมีครรภ์ รวมถึงจะไม่เลิกจ้าง ลดตำแหน่ง หรือลดสิทธิประโยชน์ สวัสดิการต่างๆ ของลูกจ้างหญิง เพราะเหตุจากการมีครรภ์
  4. แนวปฏิบัติการใช้แรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและมีจริยธรรม โดยเฉพาะการจ้างแรงงานต่างด้าวของบริษัทฯ และคู่ค้าธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมายทั้งในเรื่องสัญญาจ้าง ใบอนุญาตทำงานต่างด้าว ค่าจ้างและสภาพการทำงานที่ปลอดภัยเพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของคู่ค้าธุรกิจและบริษัทฯ ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
  5. แนวปฏิบัติด้านการแบ่งแยก หรือเลือกปฏิบัติ บริษัทฯ จะไม่กระทำการหรือสนับสนุนให้มีการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน การจ่าย
  6. แนวปฏิบัติด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานและคุณภาพชีวิตแรงงาน บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้พนักงานทุกคนของบริษัทฯ ปฏิบัติงานอย่างมีมาตรฐาน ส่งเสริมสภาพการจ้างงานที่เหมาะสมให้แก่พนักงาน รวมถึงดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย เพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถปฏิบัติงานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ตลอดจนใส่ใจในมาตรฐานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในระดับสูง โดยจะทุ่มเทในการป้องกันอุบัติเหตุ การบาดเจ็บและอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากการทำงาน ภายใต้การคุ้มครองและการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมบนพื้นฐานทางสังคม และตามบทบัญญัติของกฎหมายแรงงานที่ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน สวัสดิการแรงงาน แรงงานสัมพันธ์และความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องโดยจะมีการทบทวน พัฒนาและปรับปรุงให้เหมาะสมอยู่เสมอ
  7. แนวปฏิบัติ ด้านความรับผิดชอบเกี่ยวกับการถูกคุกคามและหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ บริษัทฯ ส่งเสริมสภาพการทำงานที่ให้เกียรติกัน และมีมาตรการป้องกันมิให้ลูกจ้างของบริษัทฯ ถูกคุกคามและถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยการแสดงออกด้วยคำพูด ท่าทาง การสัมผัสทางกาย หรือด้วยวิธีการอื่นใด รวมถึงการใช้ความรุนแรงต่อสตรี หากลูกจ้างถูกคุกคาม และหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ บริษัทฯ จะดำเนินการพิจารณาโทษทางวินัยกับผู้ที่กระทำความผิดตามกฎข้อบังคับการทำงานของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด
  8. แนวปฏิบัติด้านค่าตอบแทนการทำงานและชั่วโมงการทำงาน บริษัทฯ จะจ่ายค่าจ้างและค่าตอบแทนการทำงานหรือค่าล่วงเวลาให้แก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และจะให้ลูกจ้างได้รับรู้ ข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้างและค่าตอบแทนการทำงานที่ได้รับทั้งหมดในแต่ละงวดเป็นลายลักษณ์อักษรและสามารถเข้าใจรายละเอียดส่วนประกอบต่างๆ ได้ รวมถึงค่าชดเชย และสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย บริษัทฯ จะไม่ให้ลูกจ้างทำงานนานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้รวมถึงการทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุด โดยมีการระบุเวลาการทำงานปกติ กำหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของการทำงานพนักงานอย่างชัดเจน โดยระยะเวลาไม่เกินเวลาของงานแต่ละประเภทตามที่กฎหมายกำหนด การกำหนดให้มีเวลาพักระหว่างปฏิบัติงาน และพัก
  9. แนวปฏิบัติด้านการเลิกจ้างและการจ่ายค่าชดเชย บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งได้กำหนดหน้าที่ของนายจ้างและสิทธิของลูกจ้างกรณีการเลิกจ้างไว้ดังนี้
    • บริษัทฯ จะไม่ทำการเลิกจ้างพนักงานลูกจ้างโดยปราศจากเหตุผลอันสมควรที่เกี่ยวข้องกับความสามารถหรือพฤติกรรมของลูกจ้าง
    • ลูกจ้างจะได้รับการแจ้งให้ทราบก่อนการเลิกจ้างหรือได้รับเงินค่าชดเชยซึ่งถูกต้องตามที่กฎหมายแรงงานได้กำหนดไว้ เว้นแต่ลูกจ้างจะกระทำความผิดอย่างร้ายแรง
  10. แนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าทางธุรกิจ ผู้รับเหมา บริษัทฯ สนับสนุนการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนกับคู่ค้าทางธุรกิจ รวมถึงคู่ค้าและผู้รับเหมาโดยครอบคลุมไปถึงการไม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดและสร้างผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้การประกอบธุรกิจของคู่ค้าและผู้รับเหมาทุกรายอยู่บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน จึงจะต้องปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด ดังนี้
    • ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความถูกต้อง โปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต มีจริยธรรม
    • ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสากลด้านสิทธิแรงงานอย่างเคร่งครัด
    • เคารพในความเสมอภาคของบุคคลและหลีกเลี่ยงการเลือกปฏิบัติ

สนับสนุนสภาพการจ้างงานที่ดี รวมถึงการดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยแก่พนักงาน ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านสิทธิ

ในปี 2565 บริษัทฯ ได้ประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนรอบด้าน เพื่อค้นหาประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง จัดทำทะเบียนความเสี่ยงด้านมนุษยชน และจัดเตรียมแผนการจัดการสิทิมนายชนเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดจากความเสี่ยงเหล่านั้น ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พนักงาน ลูกค้าและผู้บริโภค คู่ค้า และชุมชนรอบข้าง โดยครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจขององค์กร ตั้งแต่ขบวนการจัดหาที่ดิน การพัฒนาโครงการ การผลิต จนถึงส่งมอบให้กับลูกค้า โดยสามารถสรุปความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชน ดังนี้

  1. สภาพการจ้างงาน
  2. สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
  3. สุขภาพและความปลอดภัยในชุมชน
  4. การใช้แรงงานผิดกฎหมาย (เช่น แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และแรงงานต่างด้าว) ในห่วงโซ่อุปทาน
  5. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

บริษัทฯ มีนโยบายเรื่องความเสมอภาค และความเท่าเทียมกัน โดยปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความเคารพและให้เกียรติ รวมถึงการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ไปยังบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือบุคคลอื่น เว้นแต่ได้กระทำไปตามหน้าที่โดยสุจรติ หรือตามกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หากพนักงานไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือถูกละเมิดสิทธิ บริษัทเปิดโอกาสให้พนักงานสามรถร้องเรียนขอความเป็นธรรมได้ เพื่อให้พนักงานมั่นใจว่าจะไม่ถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

กรณีการดำเนินงานของบริษัทก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทางผู้บริหารบริษัทจะให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ฝ่ายกำกับดูแลกิจการ และฝ่ายบุคคล จะสืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำไปพิจารณาในการประชุมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้บริหารสูงสุดในทุกฝ่าย และนักกฎหมายของบริษัท เพื่อพิจารณาการช่วยเหลือ และสรุปผลการเยียวยาอย่างเหมาะสม และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาและอนุมัติดำเนินการต่อไป