NVD 0.82 บาท - (-%)
EN

บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มีการดำเนินการส่งเสริมความปลอดภัยให้แก่พนักงาน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ การเจ็บป่วยในการทำงาน และควบคุมความไม่ปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยได้กำหนดนโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน และจัดทำข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการทำงานสำหรับผู้รับเหมา เพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของพนักงานและผู้รับเหมาที่เข้ามาดำเนินงานภายในบริษัทฯ ดังนี้

นโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

  • บริษัทฯ ถือว่า ความปลอดภัยในการทำงานเป็นหน้าที่ของพนักงานทุกคน ทุกระดับ ที่จะร่วมมือกันปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งของตนเองและผู้อื่น
  • บริษัทฯ จะให้การสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้เกิดผลในการปฏิบัติอย่างสูงสุด
  • บริษัทฯ จะพัฒนาความสามารถของบุคลากรด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  • พนักงานและลูกจ้างตลอดจนบุคคลภายนอกที่มาปฏิบัติงานหรือมาใช้บริการต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยเคร่งครัด
  • ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องให้การส่งเสริม สนับสนุน ดูแลรับผิดชอบ และให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชา
ระเบียบปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

เพื่อให้การดำเนินงานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมการปฏิบัติงานตามมาตรฐานครบถ้วน มีการนำไปปฏิบัติตรงกันทุกภาคส่วน จึงมีการกำหนดระเบียบปฏิบัติงานภายในบริษัทฯ

ระเบียบปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยของบริษัท

ระเบียบข้อบังคับมาตรการเพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการ เป็นเอกสารประกอบสัญญา (TOR) โดยระบุระเบียบปฏิบัติด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับผู้รับเหมาที่รับจ้างก่อสร้างให้กับบริษัทฯ ต้องปฏิบัติ โดยหลักๆ มีดังนี้

  1. เขตโครงการก่อสร้าง ผู้รับเหมาก่อสร้างจะต้องจัดทำรั้วสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร ที่มั่นคงแข็งแรงไว้ตลอดแนวเขตก่อสร้าง หรือกั้นเขตด้วยวัสดุที่เหมาะสมตามลักษณะงาน และจัดทำป้าย “เขตก่อสร้าง” แสดงให้เห็นได้ชัดเจน
  2. ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการต้องจัดทำและติดตั้งป้ายเตือนและป้ายบังคับในเขตก่อสร้างเพื่อความปลอดภัย เช่น ให้ระวัง ห้ามเข้า ให้สวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล และจัดทำป้ายชี้แจงรายละเอียดการทำงานโดยมีรายละเอียดอย่างน้อย ดังนี้
    • ระบุชื่อหน่วยงานผู้ว่าจ้าง
    • ระบุประเภทและชนิดของสิ่งก่อสร้าง
    • ระบุชื่อหน่วยงานผู้รับจ้าง
    • ระบุระยะเวลาก่อสร้าง
    • ระบุชื่อผู้ควบคุมงานของผู้รับจ้างพร้อมที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้

    ติดไว้บริเวณทางเข้า-ออกโครงการก่อสร้าง โดยใช้เครื่องหมายหรือข้อความที่เข้าใจง่ายและเห็นได้ชัดเจน

  3. บริเวณพื้นที่ที่เป็นอันตรายภายในเขตก่อสร้าง จะต้องกั้นพื้นที่การทำงานด้วยธงขาว-แดง หรือ วัสดุอื่นๆ ตามความเหมาะสม และในเวลากลางคืนให้มีสัญญาณไฟสีส้มตลอดเวลา และติดป้ายเตือนทุกครั้ง โดยอุปกรณ์ที่ใช้กั้นพื้นที่นั้นผู้รับเหมา จะต้องเป็นผู้จัดเตรียมมา
  4. ผู้รับเหมาก่อสร้างต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และการจัดการด้านความปลอดภัยตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2565พร้อมจัดทำเอกสารและสำเนาเก็บให้สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา
  5. บริเวณจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าต่างๆ ให้ติดตั้งสะพานไฟ และเต้ารับให้เรียบร้อย หากอยู่ภายนอกอาคารควรติดตั้งตู้ควบคุมไฟฟ้า การต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้งานต่างๆ ให้ใช้แบบมีเต้ารับ-เต้าเสียบ ห้ามต่อด้วยสายไฟเปลือยเด็ดขาด
  6. สายไฟฟ้าที่ใช้งาน จะต้องเป็นสายไฟหุ้มฉนวนเท่านั้น หากมีส่วนที่ชำรุด เช่น ฉนวนเปื่อย หรือลอก จนเห็นสายทองแดง ห้ามใช้งานเด็ดขาด ควรทำการเปลี่ยนใหม่หรือแก้ไขโดยใช้เทปพันสายไฟฟ้าก่อนนำไปใช้งาน
  7. เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ที่นำเข้ามาใช้งาน ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด หรือ มีเอกสารรับรองความปลอดภัยของอุปกรณ์เหล่านั้น และพร้อมให้ผู้ควบคุมงานของบริษัทฯ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา
  8. จัดให้มีพื้นที่สูบบุหรี่โดยเฉพาะ และห้ามสูบบุหรี่ขณะปฏิบัติงานโดยเฉพาะช่างสี ช่างไฟฟ้า และช่างเชื่อมโลหะ
  9. กรณีพบเห็นเหตุฉุกเฉินซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ให้รีบแจ้งทันที โดยติดต่อผู้ควบคุมงานของบริษัทฯ ให้ทราบทันที
  10. ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่กิจการโครงการของบริษัทฯ ต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลตามลักษณะการทำงานที่กำหนดให้เป็นอย่างน้อย ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงาน ดังนี้
- งานไม้หรืองานสี สวมหมวกนิรภัย และรองเท้าพื้นยางหุ้มส้น
- งานเหล็ก งานประกอบติดตั้ง ซ่อมบำรุง ยก แบก สวมหมวกนิรภัย ถุงมือผ้าหรือหนัง และรองเท้านิรภัย
- งานติดตั้งกระจก สวมหมวกนิรภัย ถุงมือผ้าหรือหนัง และรองเท้าพื้นยางหุ้มส้น
- งานปูน สวมหมวกนิรภัย ถุงมือผ้าหรือหนัง และรองเท้าพื้นยางหุ้มส้น
- งานคอนกรีต สวมหมวกนิรภัย ถุงมือผ้าหรือหนัง และรองเท้าพื้นยางหุ้มแข้ง
- งานเชื่อมหรือตัดชิ้นงานด้วยก๊าซหรือไฟฟ้า ต้องสวมใส่กระบังหน้าลดแสงหรือแว่นตาลดแสง ถุงมือผ้าหรือหนัง รองเท้าพื้นยางหุ้มส้นหรือรองเท้านิรภัย และแผ่นปิดหน้าอกกันประกายไฟ
- งานที่ทำให้เกิดฝุ่น สวมหมวกนิรภัย แว่นตานิรภัย ที่ครอบกรองอากาศ ถุงมือผ้าหรือหนัง และรองเท้าพื้นยางหุ้มส้นหรือรองเท้านิรภัย

เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย(จป.) ตรวจสอบงานด้านความปลอดภัยของบริษัทฯ โดยอ้างอิงจากกฎหมายด้าน ความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบการ ประเภทงานก่อสร้าง และสรุปงานที่บริษัทจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมาย โดยแบ่งเป็น 3 หมวดหมู่ คือ

  • การจัดการด้านบุคคลากรด้านความปลอดภัย
    • จป.หัวหน้างาน คือ พนักงานระดับ O- M
    • จป.บริหาร คือ พนักงานระดับ SM ขึ้นไป
    • จป.วิชาชีพ คือ เจ้าหน้าที่ จป. ของบริษัท
    • คณะกรรมการ คปอ.คือ พนักงานที่ผ่านการอบรม คณะกรรมการ คปอ. (ประธาน +กรรมการระดับบังคับบัญชาและปฏิบัติการ +เลขานุการ)
  • การจัดการด้านเอกสารด้านความปลอดภัย
    • นโยบายด้านความปลอดภัย
    • คู่มือด้านความปลอดภัยของสถานประกอบการ
    • แผนงานด้านความปลอดภัยประจำปี
    • มาตรฐานการทำงานเสี่ยงภัยในงานก่อสร้าง
    • แผนรองรับเหตุฉุกเฉินด้านต่างๆ
    • สอบสวนอุบัติเหตุและการทำสถิติ
    • แบบฟอร์มการตรวจสอบด้านความปลอดภัย
    • รายงานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย(จปว.)
  • การจัดการด้านกิจกรรมด้านความปลอดภัย
    • การเดินสำรวจพื้นที่ทำงาน
    • การจัดกิจกรรมส่งเสริมความปลอดภัย
    • การติดตั้งสัญลักษณ์ด้านความปลอดภัย
    • การกำหนดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
    • การประเมินความเสี่ยง
    • การสอบสวนอุบัติเหตุและการจัดทำสถิติอุบัติเหตุ
    • การตรวจวัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน
    • การอบรมด้านความปลอดภัย(ทั้งหมด)
    • การซ้อมอพยพหนีไฟประจำปี

และจัดทำแผนงานด้านความปลอดภัยประจำปี เพื่อกำหนดช่วงเวลาในการดำเนินงานต่างๆ เสนอต่อคณะกรรมการ คปอ. และผู้มีอำนาจแทน

  • บริษัทฯ มีการประเมินความเสี่ยงในกิจกรรมต่างๆ ในองค์กร เพื่อควบคุม ป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายที่ส่งผลต่อทางร่างกาย และสภาพจิตใจของพนักงาน
  • บริษัทฯ ได้มีการประเมินความสอดคล้องกับข้อกฎหมายและข้อกำหนดอื่นๆ ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
  • บริษัทฯ มีการตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมาอยู่สม่ำเสมอ ตัวอย่าง เช่น กิจกรรม Site Walk โดยมีผู้บริหารโครงการเป็นผู้นำตรวจ
  • บริษัทฯ มีการนำหัวข้อความปลอดภัยในการทำงาน ใส่ในการประชุมโครงการก่อสร้างประจำสัปดาห์ เพื่อแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่เกิดขึ้นภายในโครงการก่อสร้าง
  • บริษัทฯ มีการสุ่มตรวจที่พักคนงานของผู้รับจ้าง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องตามมาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย
  • บริษัทฯ ได้จัดทำกฎระเบียบ มาตรฐานการทำงาน และ ความรู้ต่างๆ ด้านความปลอดภัย แปลเป็น ภาษาต่างๆ 4 ภาษาให้กับแรงงานได้ศึกษาและทำความเข้าใจ
  • บริษัทฯ จัดทำชุมชนสัมพันธ์กับพื้นที่ข้างเคียงกับโครงการก่อสร้าง เพื่อให้ชุมชนเกิดทัศนะคติที่ดีต่อโครงการ และได้รับความสนับสนุนที่ดีในอนาคต
  • บริษัทฯ มีการสื่อสารด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในหลายช่องทาง อาทิ บอร์ดประชาสัมพันธ์ การสื่อสารผ่านกิจกรรม Morning talk และ Safety Talk ให้กับพนักงานและบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
  • บริษัทฯ มีการฝึกอบรมให้ความรู้กับพนักงาน เพื่อให้ทราบหลักการที่ถูกต้องในการปฏิบัติงานในลักษณะงานต่างๆ การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างถูกวิธี ตั้งแต่เริ่มงาน และมีการทบทวนอย่างต่อเนื่อง
  • บริษัทฯ มีการซ้อมรับเหตุฉุกเฉินในสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของพนักงานให้เข้าใจในขั้นตอนการดำเนินงาน วิธีการแจ้ง วิธีการประสานงาน รวมถึงบทบาทหน้าที่
  • บริษัทฯ จัดให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงาน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้ หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษตามมาตรการที่ได้แจ้งไว้
  • บริษัทฯ มีการสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุนั้นๆ และเข้าไปดำเนินการแก้ไขให้ถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ
  • บริษัทฯ มีการทบทวนการจัดการโดยผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้มั่นใจในระบบบริหารจัดการความปลอดภัยอาชีวอนามัย ให้มีความเหมาะสม พอเพียง และมีประสิทธิภาพ
  • บริษัทฯ มีการให้ความรู้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานในโครงการก่อสร้าง
  • บริษัทฯ มีการตรวจสอบความพร้อมใช้งานของเครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ ของผู้รับเหมาก่อนเริ่มปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงาน
  • บริษัทฯ มีการตรวจสภาพแวดล้อมทั้งในสำนักงานและโครงการก่อสร้าง เพื่อคอยติดตามสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสมกับพนักงาน
  • บริษัทฯ มีโครงการส่งเสริมความรู้แก่พนักงานเพื่อให้ตระหนักและสามารถรับมือกับความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมการทำงาน

หน่วยงานความปลอดภัยของบริษัทฯ ได้ดำเนินการวิเคราะห์เพื่อระบุว่ากิจกรรมหลักที่พนักงานในบริษัทฯ และผู้รับเหมาปฏิบัติงานอยู่ มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ได้เกิดขึ้นหรือมีโอกาสที่จะเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน โดยความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ มีดังนี้

ตารางสรุปการประเมินความเสี่ยงในกิจกรรมหลักขององค์กร

ผลการบริหารความเสี่ยง

บริษัทฯ ได้พิจารณาและชี้บ่งอันตรายความเสี่ยงของกิจกรรมหลักขององค์กร คือ งานก่อสร้างประเภทที่อยู่อาศัย โดยระบุความเสี่ยงดังตารางข้างต้น โดยคัดเลือกเฉพาะความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญมาทำการประเมินความเสี่ยง และสามารถนำไปปรับปรุงเพื่อลดโอกาสการเกิด หรือลดความรุนแรงของความเสี่ยงในกิจกรรมหลักขององค์กรได้ในทุกกิจกรรมที่เรานำมาประเมินความเสี่ยง ซึ่งสามารถนำไปปรับปรุงให้อยู่ในระดับที่ลดลงตามที่เราได้ตั้งเป้าหมาย และได้ดำเนินการในส่วนนี้อย่างต่อเนื่องทุกๆ กิจกรรมที่มีความเสี่ยงที่มีภายในองค์กร

ตารางเทียบหาระดับความเสี่ยงของงาน

ระดับความเสี่ยง

15-25

คือ

โอกาสเกิดสูงและผลกระทบรุนแรง ต้องเร่งแก้ไขด้วยมาตรการเชิงรุกทันที

12-5

คือ

โอกาสการเกิดปานกลางและมีผลกระทบที่ส่งผลให้งานล้าช้า

อาจแก้ไขด้วยการบริหารด้านความปลอดภัย

4-1

คือ

โอกาสการเกิดน้อยและไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงานและการทำงาน

ระดับความรุนแรง

สูงมาก

คือ

สูงมาก คือ เสียชีวิต/พิการ/สูญเสียอวัยวะบางส่วน/สูญเสียทรัพย์สินที่มีมูลค่าตั้งแต่

1 แสนบาทขึ้นไป

สูง

คือ

หยุดงานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บตั้งแต่ 15 วันทำงานขึ้นไป/สูญเสียทรัพย์สิน

ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10000-99999 บาท

ปานกลาง

คือ

หยุดงานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บตั้งแต่ 3 วันทำงานขึ้นไป/สูญเสียทรัพย์สิน

ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1000-9999 บาท

ต่ำ

คือ

หยุดงานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บไม่เกิน 3 วันทำงานขึ้นไป/สูญเสียทรัพย์สิน

ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1-999 บาท

ต่ำมาก

คือ

ไม่ส่งผลกระทบใดๆ / ไม่สูญเสียทรัพย์สิน

โอกาสเกิดอุบัติเหตุ

สูงมาก

คือ

เกิดทุกสัปดาห์ๆ ละ 1 ครั้งขึ้นไป

สูง

คือ

เกิดทุกเดือนๆ ละ 1 ครั้งขึ้นไป

ปานกลาง

คือ

เกิดขึ้น 6 เดือน/ 1 ครั้ง

ต่ำ

คือ

เกิดขึ้นปีละ 1 ครั้ง

ต่ำมาก

คือ

เกิดขึ้นมากกว่า 1 ปีขึ้นไป/ 1 ครั้ง หรือไม่เกิดขึ้นเลย

  • การจัดทำโครงการส่งเสริมความรู้แก่พนักงานเพื่อให้ตระหนักและสามารถรับมือกับความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมการทำงาน

    บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ด้านความปลอดภัยสำหรับพนักงานระดับปฏิบัติการ โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่โครงการหรือหัวหน้างานของผู้รับเหมาเป็นผู้นำในการทำกิจกรรม โดยมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยของบริษัทฯ เป็นที่ปรึกษาและเป็นผู้ตรวจสอบรวบรวมข้อมูล โดยทำกิจกรรม Morning talk ซึ่งแต่ละโครงการมีการจัดกิจกรรมอย่างทำต่อเนื่อง

    อนึ่ง กิจกรรม Morning talk เป็นการแจ้งข่าวสาร บทเรียนจากอุบัติเหตุ หรือ ความปลอดภัยทั่วๆไป ซึ่งจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันพูดระหว่างผู้ควบคุมงาน หัวหน้างาน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย และตัวผู้ปฏิบัติงาน มาพูดให้ทุกคนฟังที่หน้าแถว โดยจบท้ายด้วยการให้แง่คิดที่ดีทางด้านความปลอดภัย เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้ผู้ปฏิบัติงานตระหนักถึงความปลอดภัยในการทำงาน จากนั้นจะมีการการออกกำลังกาย ยืดเส้นสาย หรือตรวจเครื่องมือ อุปกรณ์การทำงาน ตรวจอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) และการแต่งกาย ตรวจความพร้อมของร่างกาย เป็นต้น

  • การให้ความรู้ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

    เพื่อให้ผู้ที่ปฏิบัติงานต่างๆ ของบริษัทฯ ได้มีความรู้ ความเข้าใจในหลักการดำเนินงานด้านความปลอดภัย และทราบถึงบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในระดับของตน สามารถนำนโยบายด้านความปลอดภัยในการทำงานไปปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยขึ้นภายในงาน รวมถึงช่วยส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานภายในงานหรือองค์กรให้ปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในการบริหารงานด้านความปลอดภัยภายขององค์กร บริษัทฯ จึงได้จัดให้มีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยฯ โดยให้หัวหน้างานหรือผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องนั้นๆ เป็นผู้อบรม ได้แก่ วิธีการสวมเข็มขัดนิรภัย และป้องกันอันตรายจากการทำงานบนที่สูง ความรู้เกี่ยวกับการใช้และการตรวจสอบอุปกรณ์การยก

  • การป้องกันความเสี่ยงจากโรคร้ายจากการทำงาน

    บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการดูแลพนักงานให้มีสุขภาพที่ดี จึงจัดให้มีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลชั้นนำมาตรวจสุขภาพประจำปีให้กับพนักงานทุกระดับทั้งฝ่ายปฏิบัติการและผู้บริหาร เพื่อให้มีอาชีวอนามัยที่ดีในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ยังเป็นการเฝ้าระวังความเสี่ยงต่อโรคจากการทำงาน ซึ่งเป็นนโยบายหลักในการดูแลพนักงาน จึงมีการกำหนดมาตรการการดูแลที่เหมาะสม และครอบคลุมกับทุกสภาพการทำงานของพนักงาน เช่น พนักงานประจำโครงการก่อสร้างที่อาจได้รับผลอันเกิดจากฝุ่นละออง ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ บริษัทฯ ได้จัดเตรียมหน้ากากป้องอันตรายจากฝุ่นละอองให้กับพนักงานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง พนักงานโรงงานที่อยู่ในพื้นที่ที่มีเครื่องจักรเสียงดัง บริษัทฯ ได้บังคับให้พนักงานที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล ear plug หรือ ear muff เพื่อลดความเสี่ยงจากการทำงานในพื้นที่อันตรายดังกล่าว

  1. จัดให้มีเครื่องดับเพลิงติดตั้งไว้ทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านอัคคีภัย ภายในโครงการก่อสร้างและสำนักงานต่างๆ ของบริษัทฯ รวมถึงจัดให้มีไฟส่องสว่างฉุกเฉิน ป้ายทางออกฉุกเฉินและสัญญาณแจ้งเหตุฉุกเฉิน
  2. จัดให้มีป้ายเตือนเหตุฉุกเฉิน (Emergency Sign) ตามพื้นที่อย่างเหมาะสม เพียงพอ
  3. จัดให้สถานที่ที่ทำงาน มีทางหนีไฟที่เข้าถึงได้สะดวก เหมาะสมและไม่ถูกกีดขวาง
  4. จัดให้มีระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ (Fire Alarm System) ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ของสำนักงาน
  5. มีการตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ระงับเหตุอย่างสม่ำเสมอ
  6. จัดให้มีหัวหน้าทีมอพยพประจำจุดต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมต่อเหตุ
  7. จัดให้มีการอบรมดับเพลิงขั้นต้น ร้อยละ 40 ของพนักงานแต่ละฝ่าย
  8. จัดให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ได้รับการอบรมการใช้งานถังเพลิง และวิธีการตรวจสอบเบื้องต้น
  9. จัดให้มีการซ้อมรับเหตุฉุกเฉิน การอพยพหนีไฟเป็นประจำทุกปี
  10. เพิ่มเติมอุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) ในบริเวณที่มีความเสี่ยง

ประกอบด้วย 3 แผน ดังนี้

  1. แผนก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้
    • แผนการรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย
    • แผนการอบรม
    • แผนการตรวจตรา
  2. แผนขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้
    • แผนการดับเพลิง
    • แผนอพยพหนีไฟ
  3. แผนหลังเหตุเพลิงไหม้
    • แผนบรรเทาทุกข์
    • แผนปฏิรูปฟื้นฟู

การฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟจะดำเนินการฝึกซ้อมปีละ 1 ครั้ง ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ให้พนักงานประจำสำนักงานใหญ่ และพนักงานของศูนย์การค้า เนอวานา พอร์ช เข้าร่วม “การฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ” โดยมีรายละเอียดโครงสร้างทีมตอบสนองภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response Team ; ERT) ดังนี้

หน้าที่ของทีมตอบสนองภาวะฉุกเฉิน (Emergency Response Team ; ERT)

  1. ผู้อำนวยการทีมฉุกเฉิน (ERT Leader : EL) / ผู้ช่วยผู้อำนวนการทีมฉุกเฉิน 1 และ 2 (Sub. EL 1, 2)
    • มีอำนาจสูงสุดในการอนุมัติดำเนินการในทุกขั้นตอนของการระงับเหตุฉุกเฉิน
    • ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์กับสื่อมวลชน และหน่วยงานภายนอกอื่นๆ
    • รายงานผลการดำเนินการให้กับผู้ถือหุ้น ทราบเป็นระยะ
  2. หัวหน้าทีมฉุกเฉิน (ERT Commander : EC) / ผู้ช่วยหัวหน้าทีมฉุกเฉิน 1 และ 2 (Sub. EC 1, 2)
    • เป็นหัวหน้าทีมฉุกเฉินประจำบริษัทฯ มีอำนาจสั่งการให้ลูกทีมเข้าระงับเหตุฉุกเฉินตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกทีมเป็นสำคัญ
      • กรณีเร่งด่วน สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันที
      • กรณีไม่เร่งด่วน ต้องได้รับการอนุมัติดำเนินการจากผู้อำนวยการทีมฉุกเฉิน
    • เป็นผู้นำในการประเมินสถานการณ์ ความรุนแรงของเหตุการณ์ร่วมกับลูกทีม
    • ประสานงานวางแผนระงับเหตุร่วมกับหน่วยงานภายนอกที่มาให้ความช่วยเหลือ
    • ให้ข้อมูล รายละเอียดการระงับเหตุเบื้องต้น พื้นที่เกิดเหตุให้กับหน่วยงานภายนอกที่มาให้ความช่วยเหลือ
    • ติดตามผลความคืบหน้าของการดำเนินการระงับเหตุ การให้ความช่วยเหลือของทีมต่างๆ และปัญหาที่พบเพื่อดำเนินการแก้ไขและรายงานให้กับผู้อำนวยการทีมฉุกเฉิน
  3. เลขานุการ (Secretary : SC)
    • ดูแลและให้คำแนะนำในเรื่องของความปลอดภัย สำหรับทีมฉุกเฉินที่จะเข้าไประงับเหตุในพื้นที่
    • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยกับหน่วยงานที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ เช่น บริเวณอันตรายของบริษัท เป็นต้น
  4. ทีมดับเพลิงขั้นต้นในพื้นที่ (Front line ERT : FL)
    • ค้นหาแหล่งต้นเพลิง และดับเพลิงขั้นต้นด้วยถังดับเพลิงทันทีที่พบเห็นเหตุการณ์หรือได้รับแจ้งจากพนักงานในพื้นที่ (ด้วยวาจา/กดสัญญาณ)
    • กดสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้เพื่อแจ้ง ERT
    • ให้รายละเอียดของเหตุการณ์กับ ERT ที่เข้าไปปฏิบัติการ
    • เป็นกำลังสนับสนุนกรณีที่ ERT ต้องการกำลังเพิ่มเติม
  5. ทีมผจญเพลิง (Fire Fighting Team : FF)
    • รายงานตัวต่อ Commander และรวมตัว ณ สถานที่เกิดเหตุทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ เพื่อรอรับคำสั่ง
    • ตัดสินใจร่วมกับ Sub-commander เพื่อเลือกเทคนิคและวิธีการดับเพลิงที่เหมาะสม
    • ผจญเพลิงด้วยถังดับเพลิงที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ / พื้นที่ใกล้เคียง
    • ผจญเพลิงด้วยสายฉีดน้ำดับเพลิง กรณีที่เพลิงมีความรุนแรง
    • ประสานงานกับทีมดับเพลิงภายนอกที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือระงับเหตุ
    • ตรวจสอบสถานการณ์ครั้งสุดท้ายเมื่อเพลิงสงบ เพื่อยกเลิกภาวะฉุกเฉิน
  6. ทีมสื่อสารและสนับสนุน (Communication & Utility Team : CU)
    • รายงานตัวต่อ Commander และประจำ ณ ศูนย์บัญชาการเหตุฉุกเฉินเพื่อรอรับคำสั่ง
    • ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆทั้งภายในและภายนอก เพื่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ
    • ควบคุมระบบสัญญาณแจ้งเหตุ และระบบสนับสนุนอื่นๆให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด
    • กดสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้รวมทั้งบริษัทฯ กรณีที่ต้องอพยพหนีไฟ พร้อมกับการประกาศอพยพหนีไฟ
  7. ทีมปฐมพยาบาล (First aid Team : FA)
    • รายงานตัวต่อ Commander และเตรียมพร้อม ณ จุดปฐมพยาบาลหรือจุดรวมพล
    • ปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
    • พิจารณาและตัดสินใจในการส่งตัวผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
    • ประสานงานกับทีมช่วยเหลือภายนอกที่มาให้ความช่วยเหลือ
  8. ทีมช่วยชีวิต (Rescue Team : RT)
    • รายงานตัวต่อ Commander และเตรียมพร้อม ณ ศูนย์บัญชาการ และรอคำสั่ง
    • อำนวยความสะดวกในขณะอพยพหนีไฟ และตรวจสอบให้พนักงานในทุกพื้นที่อพยพออกให้หมด
    • เข้าค้นหาผู้สูญหายและให้ความช่วยเหลือพนักงานที่ยังติดอยู่ในอาคาร (ตามที่ได้รับแจ้ง) และนำส่งหน่วยปฐมพยาบาล
  9. ทีมอพยพหนีไฟ (Fire Evacuation Leader Team : FE)
    • รอบรู้เส้นทางอพยพ หรือทราบแผนที่หนีไฟภายในอาคาร
    • นำพนักงาน รวมถึงบุคคลภายนอกที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด อพยพหนีไฟออกไปตามเส้นทางที่เหมาะสม โดยการฟังจากประกาศอพยพ โดยถือธงนำหนีไฟเป็นสัญลักษณ์นำ และไปรวมตัวยังจุดรวมพล ตามที่ได้ประกาศ
    • ประสานกับบุคลกรของแต่ละหน่วยงานเพื่อตรวจนับ และเช็คชื่อพนักงานที่อพยพออกมา

การฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ ประจำปี 2567

  • วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์การค้า Nirvana Porch กรุงเทพกรีฑา
    มีสถานประกอบกิจการเข้าร่วมทั้งหมด 20 แห่ง จำนวนผู้เข้ากิจกรรมทั้งหมด 81 คน
    โดยมีพนักงานของบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมอบรม จำนวน 25 คน
  • วันที่ 10 ธันวาคม 2567 ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
    มีพนักงานเข้าร่วมฝึกภาคทฤษฎีจำนวน 21 คน ภาคปฏิบัติจำนวน 56 คน

ในการวางแผนการป้องกัน แก้ไข หรือส่งเสริมงานด้านความปลอดภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน บริษัทฯ ได้มีระเบียบการดำเนินการสอบสวนและรายงานอุบัติเหตุ ครอบคลุมในส่วนของพนักงานบริษัทฯ ผู้รับเหมา ผู้ควบคุมงาน ที่ปรึกษา และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการนำมาทวบทวน สื่อสาร และป้องกันแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ โดยมีการดำเนินการ ดังนี้

บริษัทฯ ได้นำผลจากการเก็บสถิติการเกิดอุบัติเหตุในทุกๆ ปี มาเป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาที่สำคัญ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะลดการเกิดอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงาน และผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทใส่ใจและให้ความสำคัญเสมอมา โดยได้บันทึกสถิติความปลอดภัยฯ ดังนี้

สถิติการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน ปี 2561 - 2567

ปี 2561 2562 2563 2564 2565 2566 2567
พนักงาน ผู้รับเหมา
จำนวนพนักงานและผู้รับเหมา (เฉลี่ย/ปี) 1,393 1,131 1,562 1,058 876 1,250 165 776
จำนวนอุบัติเหตุที่พบ (เหตุการณ์) 25 17 40 20 28 22 1 14
จำนวนคนที่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงานมากกว่า 1 วัน (คน) 13 10 8 2 3 2 0 3
จำนวนวันทำงานที่สูญเสีย (วัน) 23 18 14 3 15 10 0 13

เพื่อเป็นการลดอัตราการการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน บริษัทฯ จึงรวบรวมสถิติการทำงานของโครงการก่อสร้างทุกโครงการ และกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนให้ผู้รับเหมาทุกรายของบริษัทฯทราบ โดยมีการร่วมกันหาสาเหตุของอุบัติเหตุและจัดทำมาตรการป้องกันร่วมกัน โดยบันทึกสถิติได้ ดังนี้

ปี 2561 2562 2563 2564 2565 2566 2567
พนักงาน ผู้รับเหมา

เป้าหมาย LTIFR.

<3.5 <3 <2.5 <2 <2 <2 <1 <2

LTIFR. : อัตราการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน
(เหตุการณ์ / 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน)

2.88 2.83 2.05 0.62 0.91 0.64 0 1.03

เป้าหมาย I.F.R

<4 <4 <3 <2 <2 <2 <1 <1

I.F.R : อัตราความถี่ของการเกิดอุบัติเหตุ (คน / 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน)

3.74 3.54 2.05 1.24 1.37 0.64 0 1.55

เป้าหมาย I.S.R

<10 <10 <10 <10 <10 <10 <10 <10

I.S.R : อัตราความรุนแรงของอุบัติเหตุ
(วัน / 1 ล้านชั่วโมงการทำงาน)    

6.62 6.38 3.59 1.85 6.86 3.21 0 6.17